เจล จัดว่าเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผู้ชายส่วนใหญ่นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะข้อดีของมัน คือ ราคาถูก หาซื้อได้ง่าย ใช้ดีเจลส่วนมากเหมาะกับผมสั้น รวมทั้งการเซ็ทแบบเน้นผมตั้งขึ้น ข้อดีของมันอีกอย่าง คือใช้ได้กับเส้นผมทุกแบบ ไม่ว่าจะเป็นผม แข็ง หนา หยิก หยัก นอกจากนี้เจลบางยี่ห้อยังใส่ส่วนผสมของ moisturizer เข้ามาให้ด้วยซึ่งมันสามารถช่วยบำรุงเส้นผม ไม่ให้ผมเสียแข็งกระด้างอีกด้วย
ส่วนผสมของเจลใส่ผมประกอบด้วยอะไรบ้าง
เจล มีส่วนผสมที่เป็นแบบไร้ความมัน แอลกอฮอล์ รวมทั้งมีส่วนผสมของน้ำเป็นส่วนผสมหลัก ทำให้ง่ายต่อการจัดแต่งทรงผม ลักษณะพิเศษของเจลโดยส่วนใหญ่ เนื้อจะมีความใส แสงสามารถทะลุได้ ล้างออกง่ายมาก ความเข้มของเนื้อเจล จะมีความเบาบางกว่าถ้าเทียบกับ แว๊กซ์ หรือ โพเมด ซึ่งเจลมันจะมีคุณสมบัติพิเศษส่วนตัว คือ ทิ้งความมันเงาไว้บนเส้นผม อีกทั้งเจลยังต่างจาก แว๊กซ์ หรือ โพเมด อีกข้อคือ เจลสามารถแห้งตัวจากการสัมผัสอากาศทั่วไปได้ เนื่องจากว่ามันมีส่วนผสมของแอลกฮอล์ เพราะฉะนั้น เวลาเลือกซื้อเจลจึงควรเลือกซื้อชนิดที่ปราศจากแอลกอฮอลจะดีกว่า เนื่องจากมันจะช่วยให้เวลาที่คุณเซตทรงผมแล้วไม่ทำให้เกิดคราบขุยขาวนั่นเอง วิธีใช้เจลก็แสนจะง่ายดาย เพียงแค่นำเจลวางบนฝ่ามือจำนวนพอเหมาะ แล้วใช้มือทั้ง 2 ข้างมาถูเข้าด้วยกันเป็นการวอร์มเนื้อเจลด้วยไอความร้อนบนฝ่ามือเพียงแค่ 3-4 ครั้ง แล้วนำไปทาผมในบริเวณที่ต้องการ เซ็ทๆ ทรงให้ดี ก็เป็นอันเสร็จ ข้อควรระวัง คือควรใช้เจลช่วยจัดแต่งทรงผมในขณะที่ผมยังหมาดๆ ไม่แห้งสนิท หรือเปียกซ่กจนเกินไป เมื่อใส่เจลเสร็จคุณยังนำไดร์มาช่วยจัดแต่งทรงได้อีกด้วย ซึ่งสรุปแล้วมันเหมาะสำหรับคนผมสั้นและดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่
ทรงผมซึ่งเหมาะกับการเลือกใช้เจล คือ ทรงผมสั้นแบบผมชี้แหลมหรือผมตั้งไม่มากและมีความมันเงา แวววาว หากใช้เจล เรามีข้อแนะนำเล็กๆคือ ผมเส้นเล็ก ตรง บาง ควรเลือกใช้เจลประเภท Light-Hold ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าคุณมีผมเส้นใหญ่ หยักศก ฟู หนา ควรใช้แบบ Strong-Hold จะเหมาะที่สุด
อย่าลืมว่า เจลนั้นไม่สามารถเปลี่ยนทรงระหว่างวันได้ ถ้าคุณเกิดอยากเปลี่ยนทรงผมหลังจากเจลแข็งตัวแล้ว มีวิธีเดียวในการจะเปลี่ยนได้คือ ต้องสระผมล้างเจลออกให้หมดเท่านั้น เพราะฉะนั้นก่อนจะลงมือวาดลวดลายทำทรงอะไร อย่าลืมคิดให้ดีก่อนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเปลี่ยนทรงผม